หายไปนานเลยครับ สำหรับblog ของตัวเอง ผมไปเรียนเวชศาสตร์ชุมชนที่ รพ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยามาเดือนครึ่งครับ ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง หมอเจ็บ ก็คงจะเคยเห็น ตอนที่บรรดานักศึกษาแพทย์ออกไปเต้นท่าฉี่หนูกันที่ตลาดนะครับ ส่วนของผมไม่ต้องออกไป เต้นท่านั้นหรอกครับ แต่การเรียนจะมุ่งเน้นถึงวิถีชาวบ้าน ให้ประสบการณ์ตรง เรียนรู้ เข้าใจ ถึงบรรยากาศและการทำงานในโรงพยาบาลชุมชนก็สนุกดีครับ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เยอะมาก และได้ประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ ยังไงผมก็ขอขอบพระคุณบุคลากรทุกท่านตั้งแต่ผอ. จนไปถึงพี่คนขับรถตู้ที่อำนวยความสะดวกให้นะครับ หลังจากกลับจากวังน้อย ชีวิตผมก็เข้าสู่การเรียน ในแผนกจิตเวชครับ ตอนนี้ต้องเรียนรู้ ดูแลผู้ป่วยในแผนกนี้ครับ มีเรื่องสนุกหลาย ๆ อย่างวันหลังว่าง ๆ ผมจะเล่าให้ฟัง
เมื่อเช้านี้ตอนเจ็ดโมงเช้าผมนัดกับเพื่อนที่หอผู้ป่วย เพื่อที่จะไปดูผู้ป่วยใน ความดูแล หลังผ่าตัด หนึ่งรายที่เกิดอาการเห็นภาพหลอน แต่นั่นจะไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเล่าในวันนี้ครับ พอเลยเวลานัด เพื่อนผมยังไม่มา ผมจึงตัดสินใจว่าจะไปพบผู้ป่วยเพียงคนเดียว ระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้าห้อง ผมเห็นพี่พยาบาลสถาบันอื่น (โรงพยาบาลผมเป็นสถานที่ฝึกอบรม บุคลากรหลายสถาบันครับ) ซึ่งผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นพี่ที่มาคุมน้อง ๆ ของสถาบันนั้นครับ เห็นพี่เขานั่งดมยาดมอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก ก็เดินเข้าห้องไปพบผู้ป่วย ตอนผมเข้าไปในห้องผมพูดขึ้นว่า สวัสดีครับคุณป้า หมอชื่อ…..เป็นนักเรียนแพทย์ชั้นปีที่ 5 นะครับ แค่จบประโยคนี้แหละครับ น้อง ๆ พยาบาลวิ่งเข้ามาหาผมและส่งเสียงว่า หมอ!! ช่วยด้วยค่ะ หมอ!!
ในวินาทีนั้นผมรีบวางสมุดไว้ที่เตียงผู้ป่วย ตอนที่วิ่งออกจากห้อง ผมก็คิดว่า เกิดอะไรขึ้นและเดาว่าคุณพี่พยาบาลต้องเป็นลมแน่เลย ผมเข้าไปหาพี่ท่านนั้น (ตอนนั้นไม่มีแพทย์เฉพาะทางท่านไหนอยู่เลยครับ) ผมเข้าไปน้องพยาบาลก็ส่งเสียงว่า ไม่รู้เป็นอะไรคะหมอ ผมคิดในใจ เอาแล้วไง เกิดไรขึ้น(วะ) เนี่ย ผมเห็นพี่ท่านนั้นมือจีบแล้วก็ตาเหมือนเหลือกขึ้นครับ ผมเห็นแล้วก็รีบบอกน้องพยาบาลว่าอย่ามุงครับ แล้วสติปัญญาของผมตอนนั้นก็รีบประมวลคำสอนของอาจารย์ทันที ตอนนั้นผมคิดแล้วล่ะครับว่า เป็น Hyperventilation syndrome แน่นอนเพราะดูจากอาการ อายุ แล้วน่าจะคำนึงถึงโรคนี้ที่สุด ใครดูหมอเจ็บอาจจะเห็นแล้วนะครับ ผมเลยรีบทำการปฐมพยาบาลแบบที่เคยร่ำเรียนมาทันที เนื่องจากพี่เขาเป็นพยาบาล และผมเห็นว่าน่าจะคุยได้ผมก็เริ่มบอกให้เขาหายใจแบบถูกวิธีทันที ระหว่างที่กำลังบอกให้หายใจช้า ๆ อย่างถูกวิธี เวลาผ่านไปประมาณครึ่งนาที มีน้องพยาบาลบางคน ผมเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีเลย คงคิดว่าผมทำไมไม่ทำอะไรซักอย่างนะ เอาแต่พูดอยู่นั่นแหละ (นะคุณหมอ) ผมก็เลยต้องบอกว่าใจเย็น ๆ (สารภาพตามตรงว่าผมก็แอบกลัวเล็กน้อยครับ เพราะตอนนั้นไม่มีอาจารย์หรือพี่แพทย์ประจำบ้านท่านไหนอยู่ แต่ จากการประเมินอาการ ผมว่าไม่หนักมากครับ)
ประมาณสองนาทีผ่านไป พี่พยาบาลคนนั้นก็เริ่มคลายมือที่จีบเกร็งครับ ตาก็็กลับเข้าสภาพปรกติ ผมใจชื้นขึ้นมาทันที (น้องพยาบาลด้วย แน่นอน ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ) พอพี่เขาเริ่มรู้สึกตัวผมตรวจตา ให้ทำตามสั่ง ก็ทำได้ ผมเลยมั่นใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว ก็เลยให้น้องเอาพี่ท่านนั้นไปนอนพักผ่อน เป็นประสบการณ์ฉุกเฉินในชีวิตนักเรียนแพทย์ก็ว่าได้เลยนะครับ ผมแอบภูมิใจตัวเองเล็ก ๆ (ถึงใครจะบอกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เหอะ ผมภูิมิใจของผมนี่นา ^_^)
หลายท่านยังไม่ทราบถึงภาวะนี้ ผมขออนุญาตอ.มาโนช หล่อตระกูล อาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ รามาธิบดี นำเอาเนื้อหาที่อาจารย์เขียนไว้มาลงณ ที่นี้นะครับ ส่วนweb ที่ผมเอาข้อมูลมาลงก็ที่นี่เลยครับ เอกสารของอาจารย์ และ web ครับ
กลุ่มอาการหายใจมากเกินไป (Hyperventilation syndrome) เกิดจากการหายใจมากเกินไป โดยอาจจะเกิดจากการหายใจตื้นๆถี่ๆ หรือหายใจไม่ถี่มากแต่ลึกหรือทั้งหายใจถี่และลึกก็ได้ จนทำ ให้เกิด hypocapnia(ภาวะคาร์บอนไดออกไซ์ ในเลือดต่ำครับ) และ respiratory alkalosis (ภาวะเลือดเป็นด่างจากการหายใจครับ ) และมีอาการต่างๆ ทางร่างกายติดตามมา
การที่ผู้ป่วยหายใจเร็วทำ ให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดลดลง เกิด respiratory
alkalosis ผลติดตามมาที่สำ คัญคือการเกิดการหดตัวของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่าง
กาย โดยเฉพาะที่สมอง นอกจากนั้นฮีโมโกลบินยังจับตัวแน่นกับออกซิเจน การปลดปล่อย
ออกซิเจนสู่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่เลือดไหลเวียนผ่านลดลงการมีออกซิเจนตํ่า ทำ ให้เกิดอาการเวียนศีรษะ รู้สึกตื้อทึบ มึนงง สับสน หน้ามืด จะเป็น ลม ตาพร่ามัว หายใจขัด หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น และมือเท้าเย็น เป็นต้น อาการเหล่านี้จะทำ ให้ผู้ป่วยตกใจมากกลัวจะเป็นอะไรไป ยิ่งทำ ให้หายใจหอบมากขึ้น
นอกจากนี้การที่เลือดมีภาวะเป็นด่างทำ ให้แคลเซียมอิออนซึ่งเป็นตัวออกฤทธิ์ในเลือดลด
ลง เกิดอาการเหน็บ ชาบริเวณริมฝีปาก ชาตามมือเท้า กล้ามเนื้อเกร็ง ต่อมานิ้วจะเหยียดเกร็ง
(carpopedal spasm) ถ้ามากจะมีอาการมือจีบ (Accoucheurs hand) นั่นไงครับมาแล้วมือจีบ
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ ต้องถามอาการและตรวจอย่างละเอียด เพื่อแยกภาวะทางกาย ที่อาจมาด้วยอาการเช่นนี้ได้ ได้แก่ hypoglycemia, seizure, asthma, myocardial infarction หรือ Meniere’s disease เป็นต้น อันนี้ผมไม่แปลนะครับเพราะมันเป็นโรคที่สามารถเกิดอาการคล้ายกันได้
ส่วนวิธีรักษาก็ทำอย่างนี้ครับ ผู้ป่วยเองสามารถทำให้อาการเหล่านี้หายเองได้ โดยควบคุม การหายใจให้น้อยลงซึ่งมีหลายวิธีได้แก่
– การใช้ถุง กระดาษ ใบโตๆครอบปากครอบจมูกเวลาหายใจเพื่อให้หายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนไป
– การคลุมโปงหายใจในผ้าห่ม ใช้หลักการเดียวกับการครอบถุงกระดาษ
– การฝึกหายใจด้วยท้องโดยมุ่งความสนใจมาที่ท้อง ให้ท้องโป่งออกเวลาหายใจเข้าท้องแฟบลงเวลาหายใจออก
– การกลั้นหายใจ นับ 1-4 ในใจ แล้วจึงหายใจออก ทำซ้ำๆไปเรื่อยๆ
– การควบคุมลมหายใจด้วยการฝึกสมาธิ
สามวิธีนี้หลังเป็นการควบคุมการหายใจไม่ให้หายใจมากเกินไป วิธีการต่างๆที่กล่าวมาจะทำให้ร่างกาย
ค่อยๆสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นมาทำให้อาการต่างๆค่อยๆหายไป ในบางครั้งถ้าผู้ป่วยไม่สามารถ
ควบคุมตนเองให้หายใจน้อยๆได้แพทย์อาจให้ยาคลายกังวลเพื่อให้จิตใจสงบลงและหายใจช้าลงเองได้
ยาที่ใช้อาจเป็นยากินหรือยาฉีดก็ได้
วิธีฝึกหายใจอีกแบบหนึ่งครับ
1. กลั้นหายใจ นับ 1 ถึง 5 (ไม่ต้องหายใจลึก)
2. เมื่อนับถึง 5 แล้วให้หายใจออก พร้อมกับจินตนาการภาพตัวเองกำ ลังผ่อนคลาย
3. หายใจเข้าและออกช้า ๆ อย่างละประมาณ 3 วินาที ให้สังเกตว่าลมหายใจกระทบขอบในของจมูก
ขณะหายใจ พร้อมกับจินตนาการภาพตัวเองกำ ลังผ่อนคลายทุกครั้งที่หายใจออก (โดยรวมหายใจเข้าออก 10 ครั้ง ต่อนาที)
4. ทุก 1 นาที (หรือเมื่อหายใจครบ 1 ครั้ง) ให้กลั้นหายใจ นับ 1 ถึง 5 (ไม่ต้องหายใจลึก)
5. หลังจากนั้นเริ่มหายใจเข้าและออกช้าๆ อย่างละประมาณ 3 วินาที ดังเดิม
ที่เล่ามาก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมเจอไม่คาดฝันครับ แล้วพี่เขาก็อาการดีเรียบร้อย ไม่น่าเป็นห่วงแล้วครับ
อยู่ดีๆ เค้าก็เป็นหรือคับนั่น หรือว่าไปเห็นอะไรมา เลยอึ้งเลยหายใจอย่างงั้นอ้ะคับ
(เอาไว้ต้องสวมวิญญาณนักเม้าท์นะครับ อิอิ)
Hi Neung
Happy New Year. Phuc here. Still remember me?
I cannnot contact you through your email.
Maybe you can write to me through my email at:
billdam@gmail.com
Hope to hear from you soon.
Your friend from VIetnam.
ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความนี้ มีประโยชน์มากมาย
เพราะแฟนเพิ่งจะเกิดอาการนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
แต่ตอนนั้นยังไม่รู้วิธีแก้ไข ดีที่ไปส่งโรงพยาบาลทันเวลา
ถ้าหากเกิดอาการเช่นนี้อีก จะได้แก้ไขได้ถูกต้องก่อนถึงมือหมอค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
เป็นข้อมูลที่จำเป็นและมีประโยชน์มาก
คิดว่าคงสามารถนำไปช่วยคนอื่นๆได้อีกเยอะเลยค่ะ
เพราะมีเหตุให้ต้องเจอกับคนที่เป็นไฮเปอร์บ่อยมากๆ
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ขอบคุณครับ หมอหนึ่ง
เนื้อหา และคำแนะนำเป็นประโยชน์มากเลย
ช่วงนี้เพื่อนของผม ซึ่งเป็นอาจารย์ พบปัญหาเกี่ยวกับนศ.จำนวนหนึ่ง มีอาการนี้อยู่เป็นประจำครับ จึงหาวิธีการช่วยเหลือ และแก้ไขระยะยาว ให้กับนศ.เหล่านั้น
เพราะกลัวระยะยาว จะมีผลต่อการดำเนินชีวิตครับ
หากมีคำแนะนำเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้นศ. หายขาดจากโรคนี้ ก็ขอความกรุณาด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆ
สำหรับตัวหนูเองเป็นพยาบาลเพิ่งจบมาทำงานที่ชุมชนเจอเคสแรกๆก็ตกใจเหมือนกันแต่ตอนนี้มั่นใจพอควรค่ะ
ขอบคุณจริงๆค่ะ
ถ้าเคยเป็นแล้วมีโอกาสเป็นอีกใช่หรือไม่คะ
ถ้าเป็นครั้งนึงแล้วโอกาสเป็นจะบ่อยขึ้นรึป่าวคะ
เช่นเครียดกลัวจะเป็น จากเดิมที่เรื่องเครียดนิดหน่อย
ตอนนี้บวกความกังวลว่าจะเป็นขึ้นมาอีก
ก็เลยเครียดกว่าเดิมเข้าไปอิก
ตอนที่เป็นไปโรงพยาบาล ฉีดยา1เข็ม รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย
แล้วก็มียามาให้ทานด้วย แต่ไม่เคยทานเลย
อยากทราบว่า จำเป็นต้องทานไม๊คะ
ขอบคุณค่ะ
อีกข้อค่ะ
บางทีก็ไม่ได้รู้สึกเครียดอะไร
แต่มีอาการหายใจไม่เข้า
คือ หายใจได้แต่ไม่รู้สึกว่าได้อากาศเข้าไป
ทำให้ยิ่งพยายามหายใจเข้าไปอิก
พยายามหายใจคล้ายๆตอนเป็นไฮเปอร์ตอนแรกๆที่ยังไม่เกร็งมือ
ก็เลยอยากถามว่า
ถ้าไม่ได้เครียด อาการแบบนี้จะเรียกว่าไฮเปอร์ฯได้รึป่าวคะ
หรือเป็นอาการหอบ หรือหายใจไม่ถูกวิธี รึป่าว
จะไปโรงพยาบาลปรึกษาแพทย์ก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าอาการยังไง
เป็นบ่อยค่ะ จนชินเป็น แต่ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงอะไร
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ดิฉันก็เป็นโรคนี้เหมื่อนกันค่ะเมื่อมีอาการทีรัยดิฉันต้องไปหาหมอทุกทีเลยค่ะเพราะ
ม่ายสมารถควบคุบตัวเองได้เลยค่ะ
เป็นบ่อยค่ะ ไปหาหมอ เค้าก็บอกว่าเพราะความเครียด ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกเครียดอะไร
ถ้าเป็นคนประเภทคิดเล็กคิดน้อย เงียบๆนี่ จะเกี่ยวมั้ยคะ
เหมือนมันจะเป็นหนักขึ้น เมื่อก่อนยังพอรู้สึกตัว แต่เดี๋ยวนี้พอเป็นก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว
หอบแรงมากๆ เพื่อนเอาถุงครอบปากก็ไม่หาย
เห็นหมอบอกว่าโรคนี้ไม่อันตราย ก็เลยไม่อยากไปโรงพยาบาล
แต่พอเพื่อนเห็นเป็นปุ๊บ ก็อุ้มเข้าโรงบาลทุกที จะบอกว่าไม่ต้องก็พูดไม่ได้
เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลย
ไม่อยากเป็นอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นและจะเป็นเมื่อไหร่
พยายามทำใจสบายๆ ไม่เครียดแต่มันก็ควบคุมยาก
อีกอย่าง…ทำไมคนอื่นที่เค้าเครียดๆกว่าเราเค้าไม่เห็นเป็นเลยล่ะคะ
เป็นเฉพาะคนรึเปล่า…
เพิ่งเป็นเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ
กลัวเหมือนกัน เพราะว่าเพิ่งผ่าตัดสมองมาด้วย(ตอนเป็น)
แต่คิดว่าคงไม่เป็นอีกแล้ว
ช่วงนั้นคงเครียดมากไปหน่อย
ตอนไปพบคุณหมอ ท่านก็บอกเหมือนกันค่ะว่าเป็นอะไรแต่กลับจำชื่อไม่ได้ คุ้นๆ คล้ายๆ ก็เลยมาเจอเอาในนี้ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะสำหรับความรู้
จะเก็บเอาไว้เป็นสาระประจำตัวค่ะ ^^
ขอบคุณในความใส่ใจ……..
ต่อไปหมอหนึ่งคงจบมาเป็นหมอที่มีคุณภาพแน่ๆ…….
จริงๆแล้วตอนเรียนชอบวิชาจิตเวชมาก……..
ผมเป็นจนความดันตก ไปเหยียบสี่สิบ ตอนหมดสติไป คิดว่าตายแล้วแน่ๆ ยังดีที่รู้ทันโรคครับ ครั้งแรกไปถึงโรงบาลก่อนอาการพี๊คสุด หลังๆดีขึ้นแล้วด้วยการกลั้นหายใจ
รบกวนขอแนวทางการรักษา Panic disorder ด้วยตัวเองแบบง่ายๆค่ะ
มีอาการ hyper ร่วมด้วยค่ะ
เป็นโรคนี้อยู่เลยค่ะ เวลาเป็นมักจะเกิดอาการตกใจทำอะไรไม่ถูก
ทำให้ยิ่งเป็นหนักขึ้น แล้วเวลาอยู่คนเดียวน่ากลัวมากๆ ค่ะ
เหมือนคนจะตายเลยอะ มีวิธี หรือเคล็ดลับที่จะช่วยผู้ป่วยเหล่านี้
ตอนอยู่คนเดียวมั้ยคะ
แฟนฟนูก็ชอบมีอาการแบบนี้บ่อยๆๆค่ะ
เพื่อนเขาชอบล้อว่าเขาเป็นโรคลมชัก
แต่ตอนรับน้องหนูเคยเห็นเพื่อนเป็นจึงรู้ว่าเขาเป็นอะไร
แต่ก็ไม่รู้วิธีการรักษา
ดีใจค่ะที่วันนี้รักษาแล้ว
ขอบคุณมากนะค่ะ
เพิ่งเป็นเมื่อวานนี้เองค่ะ หลังจากหายมาเป็นปีแล้ว
ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพระยองจึงได้รู้ว่าเป็นโรคนี้
เวลาเป็นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย ใจเต้นแรงมากมือชา
ลิ้นชา ปวดกล้ามเนื้อด้านหลังและต้นคอนอนไม่ได้เลย
ขอบคุณความรู้ที่ได้จากคุณหมอหนึ่งมากค่ะ
พอดีหาข้อมูลแล้วมาเจอบล็อกนี้โดยบังเอิญ ไม่ได้เรียนแพทย์แต่เรียนเภสัช รู้สึกมีกำลังใจฮึดเรียน Physiology ขึ้นเยอะ เพราะรู้สึกว่าต้องนำไปใช้กับคนไข้มากจริงๆ จะตั้งใจเรียน เพี้ยงงง ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
ขอคำแนะนะหน่อย
เมื่อคืนมีอาการ hyper แต่หมอจัดยามาให้
เป็นยา คลายเครียด ยาแก้ไขพารา
ประกอบกัน คนไข้มีอาการ โลหิตจาง ธารัสซีเมีย จึงให้ยา บำรุงเลือดมาด้วย
มีวิธี ที่จะป้องกัน รักษา ไม่ให้เกิดอาการ hyper ได้มัย ขอคำแนะนำด้วย
เป็นบ่อยเหมือนกันคะ ไม่รู้จะป้องกันอย่างไร
ปล่อยให้มันเป็นไป สักพักมันก็จะหาย หายใจไม่สะดวกเลยคะ
ไม่รู้จะทำอย่างไรให้มันหายไปเลย เป็นจนชิน เฮ้อ…..
เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ ที่เป็นไอโรค บ้าๆเนี่ย
ทรมาณมากครับ แต่เมื่อไหร่ที่เราเข้มแข็งมันจะหายไปได้
และมีโอกาสกลับมาได้ถ้ามีอะไรกระทบจิตใจ
ผมกินยา อัลฟ่า โซแล่มก่อนนอน ครับ ไม่รู้ว่าเกี่ยวป่าว
มียาดีจะมาบอก ได้มาใหม่
เพิ่งเป็นครั้งแรกอ่ะค่ะ เป็นบนรถเมล์ซะด้วย ตกใจมากนึกว่าตัวเองจะตายซะแล้ว ตอนแรกนึกว่าเส้นเลือดฝอยจะแตก หรือ หัวใจวายอะไรแบบนั้น เพราะมันทรมานมากนะคะ ดีที่ได้พลเมืองดีพาไปส่งโรงพยาบาล หมอก็ระบุว่าเป็น Hyperventilation แล้วก็ให้ยามากิน 2 แบบ คือ ยา alprazolam กินเฉพาะตอนฉุกเฉิน เพราะกินมากมันจะติด และ Fluoxetine เพื่อกินรักษาระยะยาว แต่หมอบอกว่าจะใช้เวลาซัก 3 อาทิตย์ถึงจะอาการดีขึ้น ช่วงนี้ก็ยังต้องทนไปก่อน ฝึกหายใจ แต่บางทีไม่ไหวจริงก็ต้องกินยาช่วย หยุดงานยาวเลย T_T
ช่วงนี้เริ่มฝึกโยคะไปพลางๆ ระหว่างว่าง เพื่อฝึกลมหายใจ ดีขึ้นนะคะ ลองดู
อาการเหมือนกันเกือบทุกอย่างเลยค่ะ เริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่อ4เดือนก่อน เป็นมา4-5ครั้งแล้ว ตอนเริ่มเป็นจะมีอาการเริ่มหายใจขัดมากขึ้น เกร็งและชาบริเวณหน้าท้องก่อน บางครั้งเกร็งและชาไปถึงลิ้นปี่ แขนขาเริ่มเกร็งและชา มือจะหงิกมาก ปากก็ชาด้วย หัวใจเต้นแรงเร็ว อยากแนะนำคนที่มีอาการคล้ายกันค่ะ ครั้งล่าสุดดิฉันแก้ด้วยวิธีนี้ค่ะ อาการจะหายเร็วมากเลย ” พอเริ่มมีอาการให้นอนราบลงทันที ถ้ามีคนอยู่ใกล้ๆอาจให้ช่วยบีบนวดแขนขาได้ แต่ถ้าบังเอิญอยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วย ควรนอนลง ควบคุมสติและการหายใจจะได้ไม่ช็อก ตอนเริ่มมีอาการให้คว้าอะไรก็ได้ไกล้มือ(ก่อนที่มือจะเกร็งจนช่วยตัวเองไม่ได้) กำบีบนวดเป็นจังหวะ พยายามขยับเท้าด้วย เลือดจะได้ไหลเวียนได้สะดวก ลองดูค่ะหายเร็วมาก”Kunpassorn.
ใช่ค่ะวิธีที่คุณ Kunpassorn Jira แนะนำ ได้ผลค่ะ เพราะเคยใช้มาเหมือนกัน ถ้าเริ่มเป็นต้องนอนลงเลยค่ะ แล้วให้นึกว่าเรากำลังพักผ่อน ผ่อนคลาย ควบคุมการหายใจค่ะ… โรคนี้หมอบอกไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่เป็นแล้วเครียดเลยค่ะ เหมือนจะตายทั้งเป็นก็ว่าได้
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ดีมากเลยค่ะ นักเรียนม 3 เป็นอยู่พอดี
เป็นมาตั้งแต่ปี 2542 ไม่เคยพบจิตแพทย์เลย แต่ตั้งแต่ปี 2546 ก็พบจิตแพทย์มาจนถึงปัจจุบัน คนที่เป็นโรคนี้ ถ้าไม่สามารถสร้างความคิดในเชิงบวก และมองโลกในแง่ดี หรือทำให้ตนเองเป็นคนไม่มีความเครียดได้ ก็ควรจะพบแพทย์ เพราะหมอจะมีวิธีที่จะทำให้เรามีความคิด หรือวิธีการในการใช้ชีวิตที่จะทำให้เราควบคุมสติ อารมณ์ต่างๆ ซึ่งจะทำให้เราถอยห่างจากอาการนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นโรคนี้ บางคนอาจจะพูดว่าเป็นโรคสำออย อย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะไม่มีใครหรอกที่อยากเป็น จริงม๊ยค่ะ
ตอนนี้อยู่โรงบาลตำบลค่ะ ภายใน 1 สัปดาห์ มีนักเรียนที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน มีอาการHyperventilation 3 คน เป็นห่างกันประมาณ2-3วัน หมอคิดว่าน่าจะเกิดจากอะไรคะ เพราะคาดว่าน่าจะมีอาการแบบนี้เพิ่มมาอีก
เป็นโรคนี้มา 4 ปีแล้วค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะค่ะ มันไม่ใช่โรคร้ายแรง ท่องไว้ๆไม่ใช่โรคร้ายแรง!!!!
กำลังเป็นอยู่ค่ะ มีวิธีคิดหรือบรรเทาอาการบ้างหรือไม่คะ ต้องการขอคำปรึกษาค่ะ
เป็นเหมือนกัน เป็นจนชิน เพื่อนๆก็ตกใจเป็นเมื่อไหร่เป็นต้องเข้าห้องฉุกเฉินทุกทีเลยค่ะ เวลาเกิดอาการ เราจะไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ หมอถามอะไรก็เบลอ จำไม่ค่อยได้ จะชามากๆ พอไปหาหมอหมอมักจะวินิจฉัยว่า เครียด วิตกกังวล ซึ่งบางทีเราไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่าคิดวิตกกังวลอะไรอยู่ๆก็เป็นเอง
หมอหนึ่งหายไปจากโลกไซเบอร์
งานคงยุ่งมากมายจริงๆ
จากประสบการณ์ การเป็นครูประจำห้องพยาบาลมา 12 ปี พบว่าเด็กนักเรียนมีภาวะนี้มีจำนวนมากขึ้น และเมื่อมีอาการ ครูและเพื่อนๆ ก็จะตกใจ ทำให้วุ่นวายโกลาหลไม่เป็นอันเรียนกัน เพราะอาการเหล่านี้เมื่อยิ่งมีคนรุมมาก ตกใจมาก ยิ่งกระตุ้นอาการของเด็กมากขึ้น แทบทุกครั้งจะจบด้วยการที่คาบนั้นก็ไม่ต้องเรียนกัน หมดเวลากับการหามกันลงมาห้องพยาบาล บางครั้งเรากำลังสอนอยู่ก็ถูกตามลงมาดูแล ต้องทิ้งเด็กที่กำลังสอน ภาวะนี้จะพบได้บ่อยมาก ในช่วงเข้าค่ายฝึกวินัย ครูฝึกจะกดดัน พบในเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย ในปีแรกๆ ที่เจอ(ประมาณปี 2549 ถ้าจำไม่ผิด) ด้วยความไม่เข้าใจทำให้วุ่นวายมาก ทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง ปีแรกๆ ที่เจอ จะเจอเพียว 3 ราย ต่อมาในช่วงหลังนี้พบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ การให้ความช่วยเหลือ ปีแรกก็ตามผู้ปกครองรับส่ง รพ. ต่อมาศึกษาเรียนรู้กับภาวะนี้มากขึ้น สังเกต เก็บข้อมูล สัมนาแลกเปลี่ยนทดลองใช้ จนทุกวันนี้ เมื่อพบเด็กที่มีอาการนี้ จะใช้หลัก 1. สงบ ห้ามมุง 2. ส่องใจ 3. ให้ความรู้ความเข้าใจ ย้ำกับผู้ป่วย “หนูไม่ได้เป็นอะไร” สิ่งที่เกิดขึ้น เกืดจากความเครียด ความรู้สึกไม่สบายใจ 4. ให้ยาแรง(ทางใจ) ให้มองอนาคต 5. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ซึ่งวิธีนี้ในปัจจุบันยังใช้ได้ผลดีอยู่ค่ะ ยกตัวอย่าง จากที่เด็กเคยมีอาการที่บ้านผู้ปกครองอุ้มส่งรพ.(เอกชน) นอนรพ.3 วัน ล่าสุดมีอาการที่โรงเรียนนำส่งห้องพยาบาล ครูที่ปรึกษาและเพื่อนๆ ตกใจวุ่นวายกันไปหมด โทรตามผู้ปกครองจะให้รับไปรพ. พอดีดิฉันอยู่ที่ห้องพอดี ได้ให้คนอื่นๆ กลับเขาห้องเรียน สอบถามข้อมูล ผู้ปกครองร้อนใจจะรับเด็กไปรพ. ดิฉันเลยขอให้ผู้ปกครอง ออกไปข้างนอกห้อง ขอคุยกับเด็กตามลำพัง โดยใช้หลักการ 5 ข้อ(ชี้แจงให้เพื่อนและคนรอบข้างเข้าใจและรู้วิธีปฏิบัติที่จะเป็นการช่วยให้เพื่อนเข้มแข็งขึ้น)จากที่ต้องไปนอนรพ.ก็ไม่ต้องไป และจากที่มีอาการบ่อย ก็เป็นเพียงแค่ร้องไห้บ้าง มีเพื่อน 1 คน พาลงมาห้องพยาบาล มาอยู่ 2 ครั้ง จากนั้นก็หายไปเลย ดิฉันคิดว่าอาการนี้ต้องรีบแก้ไข ถ้าปล่อยให้เด็กมีอาการอยู่เรื่อยจะติดเป็นนิสัย ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการใช้ชีวิตในสังคมของเด็ก
เป็นโรคนี้เหมือนกันค่ะ Hyperventilation Syndrome เป็นมาหลายปีแล้ว แต่ว่าไม่ได้เป็นหนักเท่าไร แค่มึนๆ งงๆ ชาๆ นิดหน่อย ก้คิดว่าพักผ่อนไม่เพียงพอค่ะ จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (2554) เกิดอาการช็อค ล้มทั้งยืนต้องเข้าห้องฉุกเฉินด่วน หมอตรวจอย่างละเอียด ไม่พบโรคใดๆ อาการทางกายปกติทุกอย่าง แล้วเราก้ดีขึ้น แต่ก้ยัง มึนๆ งงๆ อยู่จนปีนี้ช็อคอีกแล้ว มือจีบ แต่เราไม่รู้สึกตัวหรอก รู้แต่ว่ามันชาไปทั้งตัว ชาในสมองด้วย ก็กลัว ญาติๆ ก็เลยพาไปรักษาที่คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ตอนนั่งรถไปยังดี ๆ อยู่เลย แต่พอไปถึงก็มีอาการช็อคอีก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก พูดไม่ชัด ต้องเข้าห้องฉุกเฉินอีกแล้ว..หมอก็บอกว่าเป็นโรคนี้แหล่ะ Hyperventilation Syndrome บอกว่าเกิดจากความเครียด วิตกกังวล ให้ลาออกจากงานที่ทำ ถ้าไม่ลาออกอนาคตข้างหน้าฉั้นต้องเป็นบ้าแน่นอน แต่ฉั้นคิดว่าฉั้นไม่ลาออกแน่นอน รับราชการไม่ได้เป้นกันได้ง่ายๆ สอบแทบแย่กว่าจะเป็นได้ ถ้าลาออกนั่นสิฉันจะตาย..แล้วฉันก็ไม่ได้เครียดอะไรเลย หมอบอกว่าโรคนี้ไม่ถึงตายหรอกแต่จะเป็นบ้า แล้วก็จ่ายยาแปลกๆ ให้ฉันมา หลังจากนั้นก็อาการดีขึ้น แต่กลัวว่าจะกลับมาเป็นอีกน่ะสิ..มันเป็นอุปสรรคในการทำงานมากเลย ฉั้นไม่อยากเป็นแบบนี้เลย..จะต้องทำไงดี..
ใครที่เกิดอาการนี้บ่อยๆ ฟังข้อมูลของผมดูนะครับ ผมเกิดอาการแบบนี้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง จนทนไม่ไหวเลยไปหาหมอ ตรวจไป ตรวจมา หมอก็ถามว่าคุณทำงานอะไร เครียดไหม ผมบอกหมอได้เลยว่าผมไม่ได้เครียด แล้วมันเป็นบ่อยมากจนผมจิตตกไปหมดแล้ว หมอจึงลองตรวจปัสสะวะผม พบว่ามีความเป็นด่างสูงกว่าปกติ หมอจึงได้ข้อสรุปว่า ผมมีแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกายสูงเกินไป ผลจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ แถมกลับมาบ้านยังต่อ FiWi เล่นคอม เล่นมือถืออีก นั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเกิดภาวะนี้บ่อยๆ หมอบอกวิธีการรักษานั้นให้คุณใช้คอมพิวเตอร์หรือเล่นมือถือเท่าที่จำเป็น และออกกำลังการมากๆหน่อยเพราะแม่เหล็กไฟฟ้านั้นจะถูกขับออกทางเหงื่อ … ใครที่มีชีวิตประจำวันแบบผมและเกิดภาวะเดียวกันลองอ่านข้อมูลของผมดูนะครับ อาจช่วยได้ไม่มากก็น้อย เพราะผมเข้าใจเลยครับว่าถ้าใครเคยเป็นภาวะนี้มันทรมารมากๆ ฝากบอกต่อด้วยครับ ^^
ขอบคุณมากคะ มันทรมานมากๆ ส่วนหนูออกกำลังกายไม่ค่อยได้คะ เพราะใจสั่นทุกครั้งที่เหนื่อย
เราคนหนึ่งก็เป็นจากเหมือนก่อนนานๆ จะเป็นที แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมากขึ้น เดือนหนึ่งจะเป็น 4-5 ครั้ง ล่าสุดที่เป็นก็ถามหมอว่าเราเป็นอะไร หมอก็บอกว่าเป็น โรค Hyperventilation Syndrome หมอก็แนะนำวิธีต่างๆ ให้ สิ่งแรกให้เราควบคุมโรคให้ได้ มีสติ และหาถุงมาครอบปากกับจมูกเพื่อปรับการหายใจและให้คาร์บอนเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุดแล้วจะดีขึ้น อาการจะหายไปเอง ชีวิตประจำวันเราอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ สงสัยจะมีแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกายมากเกินไป และตัวเราไม่เคยได้ออกกำลังกายเลย ตั้งใจแล้วว่าต่อจากนี้จะออกกำลังทุกวัน เพื่อให้อาการที่เป็นอยู่มันดีขึ้น
มันเป็นประโยชน์มากๆจริงๆค่ะ
หนูเป็นโรคนี้มา5ปีแล้วค่ะ จะมีอาการตอนที่เครียดวิตกกังวล ถ้าทำอะไรที่เหนื่อยๆแล้วจะเกิดใจสั่นทันที ตอนนี้ก็กำลังพยายามทำจิตใจให้สบายคะ